ไม่ว่าการสร้างบ้านที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น จะสร้างอยู่บนพื้นที่ ที่ดินของตนเอง หรือการสร้างบ้านบนพื้นที่ดินแห่งใหม่ ขั้นตอนการทดสอบดินและสภาพพื้นที่ก่อนสร้างบ้าน ก็เป็นอีกขั้นตอนสำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็นรากฐานของบ้าน เพื่อความปลอดภัยและความแข็งแรงของโครงสร้างระยะยาว
วันนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จึงได้รวบรวม 5 เหตุผลที่คุณควรทดสอบดินและสภาพพื้นที่ก่อนสร้างบ้าน เรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่หลายคนมองข้าม ดังนี้
- เพื่อให้เราได้รู้ประเภท และชนิดของดิน โดยการนำตัวอย่างดินชั้นลึกขึ้นจากหลุม เพื่อการวางแผนปรับเตรียมพื้นที่ให้เหมาะกับการสร้างบ้าน โดยการทดสอบดินนี้มีหลายวิธี
- การเจาะลึกลงชั้นดินโดยอาศัยแรงกระแทก HEAVY CHISEL / SPUN หรือ WASH BORING เป็นวิธีที่ทำแล้วเกิดแรงสั่นสะเทือนมาก ต้องทำโดยช่างที่มีความชำนาญ หรือบริษัทรับสร้างบ้านเข้าประเมินจัดทีม
- การเจาะล้างด้วยเครื่องเจาะปั่น Rotary Drilling คือ การใช้ใบมีดหรือหัวเจาะหมุนลงไปในดิน โดยกำลังของเครื่องยนต์ ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ ที่เป็นหิน
- เพื่อทราบความลีกของดิน ส่วนนี้สำคัญเพราะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการวางรากฐาน กำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม ขนาดเสาเข็มให้เหมาะสมกับโครงสร้างบ้าน เพราะความลึกและขนาดของเสาเข็มนั้น นอกจากจะสัมพันธ์กับชนิดของดินแล้ว ยังต้องสัมพันธ์กับความสูงของชนิดอาคารด้วย เป็นแบบบ้านเดี่ยวสองชั้น หรือ เป็นอาคารห้าชั้น หรืออาจต้องออกแบบฐานรากหลายชนิด สำหรับการก่อสร้างอาคารนั้น ๆ
- เพื่อประเมินการถมพื้นที่ การสำรวจสภาพพื้นที่ก่อนสร้างบ้าน จะทำให้เราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายในการถมปรับพื้นที่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายในการถมที่ดินนั้น ก็เป็นจำนวนเงินอีกก้อนที่มากและหากมองข้ามจุดนี้ไปก็อาจจะทำให้การก่อสร้างสะดุดลงได้ ปัจจัยที่จะทำให้งบส่วนนี้มาก-น้อย ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสูงซึ่งต้องอ้างอิงกับพื้นที่ข้างเคียง และความสูงของถนนหลัก โดยส่วนใหญ่มักจะถมดินให้สูงกว่าถนนประมาณ 50-80 เซนติเมตร และหากการถมที่ดินนั้น มีขนาดมากกว่า 2,000 ตารางเมตร หรือ 1 ไร่ 1 งาน จะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นไปตามกฎหมายกำหนด
- เพื่อทราบความอ่อน ความแน่นของดิน ในการถมดินเพื่อปรับสภาพดินในเหมาะสมกับการสร้างบ้านแล้ว ใช่ว่าเมื่อถมเสร็จแล้วจะสามารถก่อสร้างลงเสาเข็มได้เลย แต่การสำรวจสภาพพื้นที่ดินก่อนเราจะประเมินระยะเวลาในการเซ็ตตัวของดินได้ เพราะหากพื้นที่เป็นแหล่งน้ำมาก่อน การถมดินนั้นแน่นอนว่าต้องเผื่อพื้นที่ยุบตัว หรือหากเป็นพื้นที่ ที่ต่ำกว่าถนนเป็นทางระบายน้ำมาก่อน ก็ต้องใช้เวลาในการเซ็ตตัวของดินมากเช่นกัน บางพื้นที่อาจจะจนพ้นฤดูฝนเลยก็ว่าได้ แต่ปัจจุบันการสร้างบ้านโดยบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพจะมีทีมวิศวกรคำนวณเครื่องมือวิเคราะห์สภาพพื้นที่ เพื่อย่นระยะเวลาการก่อสร้างได้
- เพื่อเลือกใช้ชนิดของดินให้ถูกต้อง ในแต่ละพื้นที่ ก็มีลักษณะความเฉพาะของภูมิประเทศแตกต่างกันไป มีวิธีเลือกใช้ให้เหมาะสม ดังนี้
- ประเภทดินทราย มีทรายประมาณ 70% ขึ้นไป ไม่อุ้มน้ำ ดินง่ายต่อการกัดกร่อน จะต้องบดอัดอย่างดี เพื่อป้องกันดินไหล และทรุดตัว มีราคาถูก เหมาะสำหรับการถมดินโครงการบ้านจัดสรร
- ประเภทดินดานหรือดินซีแล็ค เหมาะสำหรับถมที่ และปลูกสร้างบ้าน เพราะเป็นดินแห้ง บดอัดได้ดี มีส่วนผสมของแร่ และหินมาก มีความแข็งแรง แน่น จึงมักนำมาถมที่ ใช้ทำถนน หรือถมที่ดินริมน้ำ
- ประเภทดินลูกรัง เป็นดินที่สามารถบัดอันได้เป็นอย่างดี แน่น เหมาะสำหรับใช้ทำถนน ไม่เหมาะในการใช้ปลูกต้นไม้ สามารถแบ่งตามประโยชน์ใช้สอย
- ประเภทดินเหนียวเป็นดินที่นิยมใช้ถมที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะเป็นดินที่มีเนื้อละเอียด อุ้มน้ำได้ดี มีราคาไม่สูงจนเกินไป และหาได้ง่าย
- หน้าดินเป็นดินที่อยู่บริเวณหน้าดินในระดับ 0-0.5 เมตร มีเนื้อดินร่วนพรุน สีดำ และมีแร่ธาตุสูง จึงมีราคาสูงกว่าดินถมที่ประเภทอื่น ๆ เหมาะกับการถมที่สร้างบ้านที่ต้องการปลูกต้นไม้
ใน 5 เหตุผลที่คุณควรทดสอบดินและสภาพพื้นที่ก่อนสร้างบ้าน ที่บิวท์ ทู บิวด์ ได้นำมาฝากกันในวันนี้ บางขั้นตอนจำเป็นที่ต้องอาศัยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อการเลือกหรือจัดสรรให้เหมาะสม บิวท์ ทู บิวด์ จึงหวังว่าข้อมูลที่ได้นำมาฝาก ผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน จะไม่มองข้าม และรับทราบถึงความจำเป็นก่อนสร้างบ้านไม่มากก็น้อย เรายังมีบทความดีดีเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ทีต้องการอยากสร้างบ้านหรือหาบริษัทรับสร้างบ้าน มาฝากกันอีก จะเป็นเรื่องใดนั้น โปรดติดตามค่ะ
สนับสนุนบทความโดย
บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด
ที่อยู่ : 8 ซอยอ่อนนุช 46 ถนนอ่อนนุช แขวง/เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
โทรศัพท์ : 02 721 3999
อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
