การเลือกวัสดุให้เหมาะกับสภาพอากาศ สำคัญแค่ไหนในยุคนี้
สถานการณ์โลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิเฉลี่ยที่พุ่งสูงขึ้นในแต่ละปี หรือวิกฤตมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ส่งผลให้การเลือกวัสดุก่อสร้างในยุคนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยที่มากกว่าเพียงความสวยงามหรือความคงทน หากแต่ต้องสามารถปกป้องผู้อยู่อาศัยจากสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพจึงได้พัฒนาแนวทางการออกแบบและก่อสร้างที่ตอบโจทย์สภาพอากาศในอนาคต โดยมุ่งเน้นสองประเด็นหลัก ได้แก่
- การรับมือกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
ปัญหาสภาพอากาศร้อนจัดส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการทำความเย็นภายในบ้าน โดยสถิติชี้ให้เห็นว่าค่าไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนสามารถพุ่งสูงขึ้นได้ถึง 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ อีกทั้งความร้อนยังเร่งการเสื่อมสภาพของวัสดุก่อสร้าง ทำให้จำเป็นต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง ดังนั้น การออกแบบบ้านจึงต้องให้ความสำคัญกับ:
- การวางทิศทางอาคารที่เหมาะสมกับแนวแดดและลม
- การคัดสรรวัสดุที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
- การออกแบบระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
- การป้องกันมลพิษทางอากาศ
อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญคือการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งมีขนาดเพียง 2.5 ไมครอนและสามารถแทรกซึมเข้าสู่ภายในบ้านได้แม้จะปิดประตูหน้าต่างอย่างมิดชิด โดยฝุ่นเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว การออกแบบบ้านจึงจำเป็นต้องคำนึงถึง:
- การติดตั้งระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
- การเลือกใช้วัสดุที่ไม่เอื้อต่อการสะสมฝุ่น
- การสร้างระบบป้องกันการรั่วซึมของอากาศที่แน่นหนา
แนวทางการเลือกวัสดุเพื่อรับมือกับสภาพอากาศ
ในท้องตลาดมีวัสดุก่อสร้างให้เลือกมากมายหลากหลายประเภท แต่เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในปัจจุบัน ควรพิจารณาเลือกใช้วัสดุดังต่อไปนี้
- วัสดุป้องกันความร้อน
หลังคาและฝ้าเพดาน
หลังคาถือเป็นด่านแรกในการป้องกันความร้อน จึงควรเลือกใช้:
- หลังคาเมทัลชีทคุณภาพสูงพร้อมฉนวนกันความร้อน ซึ่งสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ถึง 5-8 องศา
- ระบบฝ้าเพดานแบบ 2 ชั้นที่มีช่องว่างอากาศ ช่วยลดการสะสมความร้อนในห้องใต้หลังคา
- แผ่นสะท้อนความร้อนใต้หลังคาที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 95%
ผนังภายนอก
สำหรับผนังภายนอกซึ่งเป็นพื้นที่รับความร้อนโดยตรง ควรพิจารณา:
- การก่อผนังด้วยอิฐมวลเบาที่มีคุณสมบัติในการนำความร้อนต่ำ
- การติดตั้งระบบผนังเวนติเลทเต็ดแฟซาด (Ventilated Facade) ที่มีช่องอากาศระหว่างผนัง
- การใช้วัสดุเคลือบผนังภายนอกที่มีคุณสมบัติพิเศษในการสะท้อนความร้อน
- วัสดุป้องกันฝุ่น PM2.5
ประตูและหน้าต่าง
เนื่องจากประตูและหน้าต่างเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภายในและภายนอกบ้าน จึงควรเลือกใช้:
- ระบบประตูหน้าต่างอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่มาพร้อมระบบซีลยางกันฝุ่นแบบพิเศษ
- กระจกสองชั้นหรือสามชั้นที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันทั้งฝุ่นและความร้อน
- ระบบ Weather Strip ที่ช่วยป้องกันการแทรกซึมของฝุ่นตามร่องประตูและหน้าต่าง
ระบบกรองอากาศ
การติดตั้งระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรพิจารณา:
- ระบบกรองอากาศ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 99.97%
- ระบบระบายอากาศแบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) ที่มาพร้อมระบบกรองฝุ่นในตัว
- การติดตั้งม่านอากาศ (Air Curtain) บริเวณประตูทางเข้าเพื่อสร้างม่านป้องกันฝุ่นจากภายนอก
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเลือกวัสดุที่เหมาะสม
- การประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมส่งผลโดยตรงต่อการประหยัดพลังงาน โดย:
- สามารถลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้ถึง 20-30%
- ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น
- มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานที่ลดลง
- สุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย
นอกจากประหยัดพลังงานแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ดังนี้:
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ
- บรรเทาอาการภูมิแพ้และการระคายเคืองจากฝุ่นละออง
- สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ
- ความคุ้มค่าในระยะยาว
การลงทุนในวัสดุคุณภาพสูงตั้งแต่เริ่มต้นจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดย:
- ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา
- เพิ่มมูลค่าให้กับบ้านในระยะยาว
- ยืดอายุการใช้งานของวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน
บทสรุป
การเลือกวัสดุให้เหมาะกับสภาพอากาศไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นในยุคที่สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การลงทุนกับวัสดุที่มีคุณภาพตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือการได้อยู่อาศัยในบ้านที่ปลอดภัย สบาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สนับสนุนบทความโดย
บริษัท กริท บิลด์ จำกัด
ที่อยู่ : บริษัท กริท บิลด์ จำกัด ห้องเลขที่ L4-207 ชั้น 2 อาคาร L4 (4L4-207,209) 1448/19 ซอยลาดพร้าว 87 (จันทราสุข) แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
โทรศัพท์ : 093 364 9782 ฝ่ายขาย
อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
เว็บไซต์ : https://gritbuild.net/