บริษัท รับสร้างบ้าน

บริษัทรับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน สร้างบ้าน สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

กระจกเสริมลุค เลือกแบบไหนไม่ร้อนและลงตัวกับแบบบ้าน

09
ธ.ค.
2563

 

 

แบบบ้านสัมยใหม่มักถูกดีไซน์ให้มีมากกว่าความสวยงาม หรูหรา หรือเป็นเอกลักษณ์ หากแต่ยังคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงคุณสมบัติของวัสดุต่างๆ ที่ใช้ซึ่งมักเป็นมากกว่าส่วนประกอบที่ทำให้บ้านเป็นรูปเป็นร่าง เช่น คุณสมบัติกันความร้อน ช่วยบ้านเย็น สะท้อนแสง หรือกันความชื้น และในครั้งนี้ เราจะพาไปเลือกกระจกที่ช่วยเสริมลุคให้บ้าน เพราะทำความรู้จัคุณสมบัติของกระจกแต่ละชนิด เพื่อให้เลือกใช้ได้เหมาะสม เข้ากับบ้าน พร้อมลดความร้อนในบ้านได้ด้วย

ทำความรู้จักชนิดของกระจก

1. กระจกธรรมดา

เป็นกระจกที่ผ่านการหลอมและอบด้วยวิธีปกติทั่วไป ไม่ได้มีความพิเศษในขั้นตอนการผลิต โดยกระจกธรรมดานี้จะมีทั้งกระจกใส กระจกใสพิเศษ และกระจกสี โดยเนื้อกระจกธรรมดาสามารถมองทะลุผ่านได้ชัดเจน ไม่บิดเบี้ยว

การแยกกระจกใสกับกระจกสี ให้สังเกตที่สันขอบซึ่งกระจกใสจะเป็นสีอมเขียว ส่วนกระจกสีบริเวณสันจะมีสีที่มีลักษณะเข้มกว่าเมื่อมองจากผิวกระจก เพราะสีจากออกไซด์ผสมหลอมในเนื้อกระจก โดยกระจกใสสามารถรับความร้อนจากแสงภายนอกได้เต็มที่ แต่กระจกสีจะรับความร้อนได้ตามสีของกระจก

การใช้งาน เหมาะสำหรับผนัง บานประตู หน้าต่าง แต่เมื่อกระจกแบบธรรมดานี้แตกจะมีชิ้นส่วนแหลมคมกระจายซึ่งเป็นอันตรายได้

2. กระจกเทมเปอร์

กระจกประเภทนี้ถูกพัฒนาคุณสมบัติมาจากกระจกธรรมดา โดยจะมีความแข็งแรงมากขึ้น เพราะผ่านกระบวนการอบความร้อนที่ทำให้ผิวของกระจกเย็นลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดแรงอัดที่ผิวกระจกทำให้แข็งแรงขึ้นนั่นเอง จึงถูกจัดให้เป็นกระจกประเภทนิรภัย ส่วนตัวเนื้อกระจกเมื่อมองทะลุผ่านจะมีลักษณะบิดเบี้ยวเล็กน้อย

การใช้งาน เหมาะสำหรับติดตั้งบริเวณผนังที่เป็นกระจกบานใหญ่ ราวระเบียง ท็อปเคาร์เตอร์ครัว ตู้โชว์ หรือพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย เมื่อเวลากระจกชนิดนี้แตกจะเป็นเม็ดเล็กๆ ที่มีความละเอียด ลดการเกิดอันตรายได้

3. กระจกเคลือบผิว หรือกระจกสะท้อนแสง

กระจกที่มีการเคลือบผิวด้วยออกไซด์ของโลหะ มีความเงามันวาวเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงและความร้อนจากดวงอาทิตย์ รวมทั้งยังลดการส่งผ่านความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร โดยประกอบด้วยกระจก 2 ชนิด คือ

• กระจกสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์ ถูกเคลือบผิวด้วยโลหะออกไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนแสงสูง มีความโปร่งแสงน้อย มีหลายสีขึ้นอยู่กับชนิดโลหะที่เคลือบผิว กระจกประเภทนี้หากมองจากภายนอกจะทึบจึงมองไม่เห็นภายใน แต่หากมองจากภายในจะเห็นภายนอกได้ชัดเจน มักถูกใช้งานกับผนังอาคาร บานหน้าต่าง-ประตู

• กระจกแผ่รังสีต่ำ มีโลหะเงินบริสุทธิ์เป็นส่วนประกอบในสารเคลือบผิว ทำให้ถ่ายเทความร้อนได้ดี การใช้งานมักประกบกันสองชั้น โดยใช้งานกับผนัง บานหน้าต่าง-ประตู

4. กระจกฉนวนกันความร้อน

เป็นกระจกที่มีการนำกระจกสองแผ่นมาประกบกันบนโครงอะลูมิเนียมซึ่งตรงกลางมีการบรรจุสารดูดความชื้นช่วยลดการถ่ายเทความร้อนและเสียง โดยกระจกสองแผ่นที่นำมาประกบกันนั้นจะใช้เป็นกะจกธรรมดา หรือกระจกเทมเปอร์ สิ่งที่ควรระวังคือการยาแนวระหว่างวัสดุที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายหรือมีช่องโหว่ เพราะจะทำให้อากาศสามารถรั่วซึม สูญเสียความสามารถในการกันความร้อน

การใช้งานกระจกประเภทนี้ จะถูกใช้กับผนังอาคาร บานประตู-หน้าต่าง

5. กระจกนิรภัย

เป็นกระจกที่มีการนำกระจกสองแผ่นมาประกบกันแล้วมีแผ่น PVB (Polyvinyl Butyral) คั่นตรงกลาง คุณสมบัติพิเศษคือเมื่อกระจกมีการแตกเสียหาย สะเก็ดของกระจกจะติดอยู่กับแผ่น PVB ทำให้ไม่เป็นอันตรายกับผู้ใช้งาน

การใช้งาน เหมาะกับการติดตั้งบริเวณที่เสี่ยงต่อการแตกหักง่าย โดยใช้เป็นกระจกบานใหญ่หรือที่เป็นช่องแสงบนที่สูง

 

การเลือกใช้กระจกควรพิจารณาจากองค์ประกอบรอบด้าน ทั้งแบบบ้าน ฟังก์ชันการใช้งาน คุณสมบัติของกระจก และความเหมาะสมกับพื้นที่ สภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ ซึ่งหากเจ้าของบ้านรู้จักคุณสมบัติกระจกแต่ละประเภทอย่างชัดเจนแล้ว จะช่วยให้การร่วมออกแบบบ้านกับทีมเป็นไปอย่างราบรื่น และเข้าใจความต้องการตรงกัน

 

สนับสนุนบทความโดย

 

บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด

ที่อยู่ : 1 อาคารเก้าพูลทรัพย์ ชั้น 3, 8 ซ.ลาดพร้าว 19 ถ.ลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทรศัพท์ : 0 2938 4356-7

อีเมล์ : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

เว็บไซต์ : www.landyhome.co.th

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

Home Builder Association

เลขที่ 2 ซอยลาดปลาเค้า 10 แขวงลาดพร้าว

เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

 : info@hba-th.org

 : 0-2570-0153,0-2940-2744

  : 0-2570-0154